จรรยาบรรณทางธุรกิจ สำหรับคณะกรรมการ
นโยบายและการจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์
บริษัทฯ มีนโยบายให้กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานและลูกจ้างของบริษัทฯ ทุกคน ปฏิบัติงานอย่างโปร่งใส ไม่แสวงหาประโยชน์ส่วนตนที่ไม่ถูกต้อง และปฏิบัติงานในกรอบของกฎหมายรวมถึงระเบียบข้อบังคับต่างๆ ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
1. หลีกเลี่ยงการทำรายการที่เกี่ยวโยงกับตนเอง กรณีมีความจำเป็นต้องทำรายการดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ ให้กระทำรายการนั้นเสมือนการทำรายการกับบุคคลภายนอก (arm’s length basis) และกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานและลูกจ้างที่มีส่วนได้เสียในรายการดังกล่าว (ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม) ต้องไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการเข้าทำรายการ
2. รายการที่เกี่ยวโยงกันต้องผ่านการสอบทาน พิจารณาและให้ความเห็นจากคณะกรรมการตรวจสอบ
3. ไม่ใช้ข้อมูลที่ได้จากการเป็นกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานและลูกจ้างในการแสวงหาประโยชน์ส่วนตน เช่น ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง หรือทำธุรกิจแข่งกับบริษัทฯ เป็นต้น
4. ไม่ใช้ข้อมูลภายในของบริษัทฯ หรือให้ข้อมูลดังกล่าวแก่บุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ
นโยบายและการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้น
บริษัทฯ มีนโยบายในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ยึดมั่นในคุณธรรม และอยู่ในกรอบของกฎหมาย รวมถึงกรอบนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นจะพัฒนาธุรกิจให้เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง เพื่อสร้างความมั่งคั่งและผลตอบแทนการลงทุนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น ตลอดจนยึดหลักปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นทุกคนอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ดังต่อไปนี้
1. จัดการประชุมผู้ถือหุ้นในวัน เวลา และสถานที่ที่สะดวกต่อผู้ถือหุ้น
2. ส่งหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นพร้อมวาระการประชุม ตลอดจนข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องล่วงหน้าให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมีเวลาศึกษาข้อมูลล่วงหน้าได้อย่างเพียงพอ
3. ประธานที่ประชุมจะจัดสรรเวลาให้เพียงพอ เหมาะสม และส่งเสริมให้ผู้ถือหุ้นทุกคนมีโอกาสในการแสดงความคิดเห็นและตั้งคำถามต่อที่ประชุมในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทฯ
4. จัดทำรายงานการประชุมที่มีสาระสำคัญครบถ้วน พร้อมทั้งเผยแพร่รายงานการประชุมให้ผู้ถือหุ้นได้ทราบผ่านระบบ SET Portal ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในระยะเวลา 14 วันนับจากวันประชุมผู้ถือหุ้น
5. ให้กรรมการและผู้บริหารทุกคนเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อฟังความคิดเห็นและตอบคำถามผู้ถือหุ้นโดยพร้อมเพรียง
6. อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกคนในการเสนอเพิ่มวาระการประชุมผู้ถือหุ้นล่วงหน้าก่อนการประชุม
7. คณะกรรมการบริษัทจะไม่เพิ่มวาระการประชุมผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้แจ้งเป็นการล่วงหน้า โดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งวาระสำคัญที่ผู้ถือหุ้นต้องใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ
8. เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นทุกคนเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ โดยผู้ถือหุ้นควรเสนอชื่อพร้อมข้อมูลประกอบการพิจารณาด้านคุณสมบัติ พร้อมหนังสือให้ความยินยอมของผู้ได้รับการเสนอชื่อ และส่งให้คณะกรรมการบริษัทล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 เดือนก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้น
9. บริษัทฯ จะแนบหนังสือมอบฉันทะไปพร้อมกับหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อให้ผู้ถือหุ้นที่ไม่สามารถมาประชุมด้วยตนเอง สามารถมอบฉันทะให้บุคคลอื่นไปประชุมแทนได้ และเพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ถือหุ้น คณะกรรมการจะเสนอชื่อกรรมการอิสระอย่างน้อย 1 คนเป็นทางเลือกในการมอบฉันทะของผู้ถือหุ้น
10. ในวาระแต่งตั้งกรรมการ คณะกรรมการบริษัทจะจัดให้มีการพิจารณาแต่งตั้งกรรมการเป็นรายบุคคล
11. ห้ามมิให้กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานและลูกจ้างทุกคนของบริษัทฯ ใช้ข้อมูลภายใน (Inside Information) หรือให้ข้อมูลดังกล่าวแก่บุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นโดยรวม
นโยบายและการปฏิบัติต่อพนักงาน
บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าพนักงานเป็นทรัพยากรที่มีค่าสูงสุดของบริษัทฯ ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีนโยบายส่งเสริมให้พนักงานและลูกจ้างทุกคนมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะในการทำงาน บริษัทฯ มีนโยบายให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่พนักงานและลูกจ้าง รวมถึงมีการจัดสรรสวัสดิการต่าง ๆ ที่เพียงพอ เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง โดยบริษัทฯ จะมีการดำเนินการดังต่อไปนี้
1. ปฏิบัติต่อพนักงานด้วยความสุภาพ ให้ความเคารพต่อความเป็นปัจเจกชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
2. ดูแลสภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของพนักงาน
3. จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานของพนักงาน เพื่อให้การปฏิบัติงานดำเนินไปด้วยความราบรื่น
4. ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและตรงไปตรงมา
5. จัดอบรมสัมมนาอย่างสม่ำเสมอเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะในการทำงานของพนักงานและลูกจ้าง
6. ส่งเสริมให้พนักงานและลูกจ้างได้มีโอกาสได้ศึกษาเพิ่มเติมในสายงานที่เกี่ยวข้อง
7. ให้ผลตอบแทนที่เป็นธรรมและเหมาะสม ตลอดจนจัดสวัสดิการที่พอเพียงและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง
8. แต่งตั้งและโยกย้าย รวมถึงการให้รางวัลและลงโทษพนักงานด้วยความสุจริตและเป็นธรรม
9. เปิดโอกาสให้พนักงานและลูกจ้างได้แสดงความคิดเห็นและเสนอแนะเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ
10. ส่งเสริมให้พนักงานและลูกจ้างเล่นกีฬาและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
11. ส่งเสริมให้ผู้บริหารและพนักงานทำงานเป็นทีม และจัดให้มีห้องประชุมเพียงพอสำหรับการประชุมหารือของแต่ละทีมงาน
นโยบายและการปฏิบัติต่อลูกค้า
บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของลูกค้าที่มีต่อความสำเร็จทางธุรกิจของบริษัทฯ ดังนั้นบริษัทฯ จึงมีนโยบายดังต่อไปนี้เพื่อสร้างและเพิ่มความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
1. ส่งมอบสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพให้แก่ลูกค้า
2. ส่งมอบสินค้าและบริการตรงตามเวลาที่กำหนด หากมีอุปสรรคทำให้ไม่สามารถส่งมอบสินค้า และ/หรือ บริการ ตามที่กำหนด ให้รีบแจ้งลูกค้าทราบล่วงหน้าเพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไข
3. ขายสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้าในราคาที่เป็นธรรม และไม่ฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควร
4. ให้บริการลูกค้าในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการช่วยแก้ปัญหาของลูกค้าอย่างรวดเร็วด้วยความเต็มใจ
5. ให้ข้อมูลข่าวสารด้านสินค้าและบริการที่ถูกต้อง พอเพียง และทันต่อเหตุการณ์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
6. ให้คำแนะนำในการใช้สินค้าและบริการที่ถูกต้อง
7. ให้การรับประกันสินค้าและบริการในเงื่อนไขเวลาที่เหมาะสม
8. จัดระบบให้ลูกค้าสามารถร้องเรียนเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้าและการให้บริการของบริษัทฯ
9. รักษาความลับของลูกค้า และไม่นำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นโดยมิชอบ
10. ให้เกียรติแก่ลูกค้า และติดต่อกับลูกค้าด้วยความสุภาพ
นโยบายและการปฏิบัติต่อคู่ค้า
บริษัทฯ มีนโยบายปฏิบัติต่อคู่ค้าอย่างเป็นธรรม โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการได้รับประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นจริงและถูกต้อง ตลอดจนปฏิบัติตามพันธะสัญญาอย่างเคร่งครัด
1. ปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ที่ได้ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัด หากมีอุปสรรคใดที่ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไข ต้องรีบแจ้งคู่ค้าทราบล่วงหน้าเพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไข
2. ให้ข้อมูลที่เป็นจริงและถูกต้อง
3. สนับสนุนและร่วมมือกับคู่ค้าในการผลิตสินค้าและให้บริการที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน
4. สนับสนุนและร่วมมือกับคู่ค้าในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ รวมถึงบริการใหม่ๆ เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
5. ห้ามผู้บริหาร พนักงานและลูกจ้างรับหรือเรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ ที่ไม่สุจริตจากคู่ค้า
6. ห้ามผู้บริหาร พนักงานและลูกจ้างเสนอหรือจ่ายผลประโยชน์ใดๆ ที่ไม่สุจริตแก่คู่ค้า
7. รักษาความลับของคู่ค้า และไม่นำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นโดยมิชอบ
นโยบายและการปฏิบัติต่อเจ้าหนี้
บริษัทฯ มีนโยบายปฏิบัติต่อเจ้าหนี้อย่างเป็นธรรม ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริงและทันต่อเหตุการณ์ ตลอดจนปฏิบัติตามพันธะสัญญาอย่างเคร่งครัด
1. ปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ที่ได้ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัด หากมีอุปสรรคใดที่ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ ต้องรีบแจ้งเจ้าหนี้ทราบล่วงหน้า เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไข
2. รายงานผลประกอบการและฐานะทางการเงินที่เป็นจริงและถูกต้อง
นโยบายและการปฏิบัติต่อคู่แข่งทางการค้า
บริษัทฯ มีนโยบายปฏิบัติต่อคู่แข่งทางการค้าอย่างยุติธรรมโดยยึดหลักการสากลที่ยอมรับกันทั่วไป ไม่ละเมิดความลับและสิทธิอันชอบธรรมของคู่แข่งด้วยวิธีที่มิชอบ
1. ประพฤติตามกรอบกติกาการแข่งขันที่ดีซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป
2. ไม่ละเมิดความลับและสิทธิอันชอบธรรมของคู่แข่งด้วยวิธีที่มิชอบ
3. หลีกเลี่ยงวิธีการไม่สุจริตเพื่อทำลายคู่แข่งขัน
นโยบายและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมของชุมชนและสังคมโดยรวม และได้ปลูกจิตสำนึกเรื่องดังกล่าวในหมู่กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานและลูกจ้างทุกระดับอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สังคมโดยรวมเป็นสังคมที่น่าอยู่ มีความสงบสุข และปลอดภัย
1. เป็นพลเมืองดี เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
2. สนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมในรูปแบบที่เหมาะสม
3. ให้ความช่วยเหลือหรือบริจาคสิ่งของและทรัพย์สินแก่ผู้ประสบภัยต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
4. ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม
5. ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
6. ส่งเสริมการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมและประเพณีที่ดีงามของท้องถิ่น
7. บริษัทฯ ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และส่งเสริมให้กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานและลูกจ้างทุกคนไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่มีนโยบายที่จะสนับสนุนทางการเงินแก่นักการเมืองหรือพรรคการเมือง
นโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ มีนโยบายการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (Corporate Social Responsibility – CSR) บริษัทฯ ให้ความสำคัญและตระหนักถึงสังคมและชุมชนโดยรอบ คำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อผู้ที่มีส่วนได้เสีย เช่น พนักงาน ผู้ถือหุ้น ชุมชน ผู้ประกอบการต่างๆ ทั้งหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน ฯลฯ บริษัทฯ ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง อยู่ร่วมกันกับชุมชนและสังคมอย่างเป็นสุข พร้อมทั้งให้การสนับสนุนกับทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียมกัน และมุ่งมั่นไปสู่การพัฒนาเพื่อความเจริญก้าวหน้าที่ยั่งยืนไปพร้อม ๆ กันต่อไป
แนวทางปฏิบัติเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ตามที่บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมนั้น เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ คณะกรรมการของบริษัทฯ จึงได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับความรับผิดต่อสังคม และผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ ดังนี้
1. บริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจด้วยความสุจริต โปร่งใส มีคุณธรรม จริยธรรม ไม่เอาเปรียบคู่ค้าและผู้มีส่วนได้เสีย จัดให้มีระบบบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพที่สามารถตรวจสอบได้ มุ่งเน้นไปสู่การเจริญเติบโตของบริษัทฯ ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงาน ชุมชน และสังคม พัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนรวมทั้งรักษาผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสีย
2. ส่งเสริมกิจกรรมให้ความรู้ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม กับพนักงานทุกระดับของบริษัทฯ เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกันในการพัฒนา ดูแลและรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมให้ทั่วถึงทั้งองค์กร
3. ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดยส่งเสริมให้มีการเคารพต่อสิทธิและเสรีภาพ ด้วยการไม่เลือกปฏิบัติ ส่งเสริมความเสมอภาค ไม่แบ่งแยกเพศและชนชั้น ไม่ใช้แรงงานเด็ก ส่งเสริมการจ้างงานต่อผู้พิการ ให้ความเป็นกลางทางการเมือง และต่อต้านการคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ
4. ส่งเสริมให้มีโครงการหรือกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยใช้ศักยภาพและทรัพยากรของบริษัทฯ ดำเนินการให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย ให้มีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์แบบสองทาง (Two Ways Communication) กับชุมชน สังคม และผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมนั้น ๆ ตามความเหมาะสม เช่น การประชาสัมพันธ์ให้รับรู้และเข้าใจถึงผลกระทบจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ทั้งต่อผู้อยู่อาศัยในชุมชนและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
5. ในการจัดทำรายงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นถึงการปฏิบัติตามแนวทางความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility: CSR) ดังกล่าวข้างต้น ไว้ในรายงานประจำปีและแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี
นโยบายการป้องกันการใช้ข้อมูลภายใน
1. แนวทางปฏิบัติในการเปิดเผยข้อมูลภายใน
พนักงานของบริษัทฯ ในบางครั้งจะต้องทำงานกับข้อมูลและเอกสารที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกได้ หรือข้อมูลเกี่ยวกับโครงการในอนาคตที่ยังไม่เปิดเผย บุคลากรทุกระดับของบริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้องทราบถึงขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเพื่อปกป้องข้อมูลอันเป็นความลับและมีการปฏิบัติตามเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลอันเป็นความลับถูกเปิดเผยโดยไม่เจตนา
1.1 ชั้นความลับของข้อมูล
ข้อมูลความลับทางการค้าซึ่งเป็นข้อมูลภายในของบริษัทฯ ต้องได้รับการปกปิดมิให้รั่วไหลออกไปสู่บุคคลภายนอกได้ ความลับของข้อมูลเหล่านั้นอาจแบ่งออกได้เป็นหลายชั้นตามความสำคัญจากน้อยไปหามาก ได้แก่ ข้อมูลที่เปิดเผยได้ ข้อมูลปกปิด ข้อมูลลับ ข้อมูลลับมาก การใช้ข้อมูลภายในร่วมกันต้องอยู่ในกรอบของหน้าที่และความรับผิดชอบที่ตนได้รับมอบหมายเท่านั้น
1.2 การให้ข้อมูลข่าวสารแก่บุคคลภายนอก
ข้อมูลที่จะได้รับการเปิดเผยออกไปสู่สาธารณชนทุกข้อมูลต้องได้รับความเห็นชอบจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารจะเป็นผู้ให้ข้อมูลเอง หรือมอบหมายให้ผู้หนึ่งผู้ใดที่มีความเหมาะสม เป็นผู้ให้หรือผู้ตอบ กรณีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ร่วมทุนอื่นๆ การให้ข้อมูลจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ร่วมทุนก่อน อย่างไรก็ดี บริษัทฯ กำหนดให้มีหน่วยงานกลางที่เป็นผู้ให้ข้อมูลแก่สาธารณชน คือ ฝ่ายบัญชีและการเงินซึ่งรับผิดชอบงานด้านนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations) โดยจะประสานงานกับหน่วยงานที่เป็นเจ้าของข้อมูล (Activity Owner) ซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้ให้รายละเอียด (Fact Sheet) เพื่อสรุปเป็นสารสนเทศ แล้วขออนุมัติจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารก่อนเผยแพร่
1.3 การแสดงความเห็นแก่บุคคลภายนอก
บุคลากรของบริษัทฯ จะต้องไม่ตอบคำถาม หรือแสดงความเห็นแก่บุคคลอื่นใดภายนอกบริษัทฯ เว้นแต่จะมีหน้าที่หรือได้รับมอบหมายให้ตอบคำถามเหล่านั้น หากไม่มีหน้าที่ ขอให้ปฏิเสธการแสดงความเห็นต่างๆ ด้วยความสุภาพ และแนะนำให้สอบถามจากฝ่ายบัญชีและการเงินซึ่งรับผิดชอบงานด้านนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations) โดยตรง
2. แนวทางปฏิบัติในการใช้ข้อมูลภายใน
คณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ มีหน้าที่ต้องรายงานการถือหลักทรัพย์ของตนให้เป็นไปตามกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และนำส่งสำเนารายงานการถือครองหลักทรัพย์ ที่เลขานุการบริษัท
2.1 การใช้ข้อมูลภายใน
เนื่องจากบริษัทฯ เป็นบริษัทที่มีหน้าที่ต้องรายงานข้อมูลตามมาตรา 56 ของ พรบ.หลักทรัพย์ฯ บริษัทฯจึงต้องดำเนินการให้มีความเสมอภาคและยุติธรรมต่อผู้ลงทุนอย่างเท่าเทียมกันในการรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทฯ และเพื่อเป็นการป้องกันการกระทำผิดกฎหมายของบุคลากรในทุกระดับของบริษัทฯ บุคลากรของบริษัทฯ ที่ได้รับทราบหรืออาจได้รับทราบข้อมูลภายในที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนของบริษัทฯ (Inside Information) ต้องไม่ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อทำการซื้อหรือขายหุ้น หรือชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหรือขาย หรือเสนอซื้อหรือเสนอขายหุ้นของบริษัทฯ ไม่ว่าจะด้วยตนเองหรือผ่านนายหน้า ไม่ว่าตนเอง และ/หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องจะได้รับประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวด้วยหรือไม่ก็ตาม ในขณะที่ยังครอบครองข้อมูลที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนนั้นอยู่ รวมทั้งต้องไม่ใช้ข้อมูลอันเป็นความลับใด ๆ ในการดำเนินการอันจะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และ/หรือ ความเสียหายใดๆ แก่บริษัทฯ
2.2 มาตรการป้องกันการใช้ข้อมูลภายใน
เพื่อให้การปฏิบัติตามนโยบายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริษัทฯ จึงมีมาตรการป้องกันการใช้ข้อมูลภายในดังต่อไปนี้
• จำกัดการเข้าถึงข้อมูลที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ โดยให้รับรู้ได้เฉพาะผู้บริหารระดับสูงสุดเท่าที่จะทำได้ และเปิดเผยต่อพนักงานของบริษัทฯ ตามความจำเป็นเท่าที่ต้องทราบเท่านั้น และแจ้งให้พนักงานทราบว่าเป็นสารสนเทศที่เป็นความลับ และมีข้อจำกัดในการนำไปใช้
• เจ้าของข้อมูลที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนจะต้องกำชับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตามขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลโดยเคร่งครัด
นโยบายการทำรายการระหว่างกันและรายการที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกันทางผลประโยชน์
บริษัทฯ มีการกำหนดนโยบายการทำรายการระหว่างกันของบริษัทฯ และ/หรือ บริษัทย่อย กับบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อความโปร่งใส เป็นธรรม และไม่ก่อให้เกิดการถ่ายเทผลประโยชน์ ดังต่อไปนี้
1. ในการเข้าทำรายการระหว่างกันของบริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อย กับบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน บริษัทฯ จะดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ ประกาศ ระเบียบข้อกำหนดและหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
1) พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม
2) ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 21/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม (ถ้ามี)
3) ประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ.2546 และที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม (ถ้ามี)
4) ข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศและการปฏิบัติการใดๆ ของบริษัทจดทะเบียน และที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม (ถ้ามี)
5) ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดเผยการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันในหมายเหตุประกอบงบการเงินที่จัดทำโดยผู้สอบบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) และรายงานประจำปี (แบบ 56-2) รวมถึงประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อกำหนดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลอดจนหนังสือเวียน กฎระเบียบและกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้อง
6) กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศทางการที่เกี่ยวข้องที่อาจมีการบังคับใช้ในอนาคต
2. ในการเข้าทำรายการระหว่างกันใดๆ ที่เข้าข่ายที่จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของ บริษัทฯ และ/หรือที่ประชุมผู้ถือหุ้น รายการระหว่างกันดังกล่าวจะต้องได้รับการพิจารณากลั่นกรองและให้ความเห็นจากคณะกรรมการตรวจสอบก่อนนำเสนอต่อคณะกรรมการของบริษัทฯ และ/หรือ ที่ประชุมผู้ถือหุ้น (แล้วแต่กรณี) เพื่อพิจารณาอนุมัติทุกครั้ง ทั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่ารายการระหว่างกันดังกล่าวจะไม่ทำให้เกิดการถ่ายเทผลประโยชน์ของบริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อย โดยความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบ อย่างน้อยจะต้องครอบคลุมประเด็นดังนี้
1) ความสมเหตุสมผลและประโยชน์ของการทำรายการระหว่างกันต่อบริษัทฯ และ/หรือ บริษัทย่อย
2) ความเป็นธรรมของราคาและเงื่อนไขของการทำรายการระหว่างกัน โดยให้พิจารณาเปรียบเทียบความเหมาะสมของราคาและสิ่งตอบแทนกับราคาตลาด และ/หรือ ราคาที่ได้รับการเสนอจากบุคคลภายนอก และ/หรือ ราคาประเมินของผู้ประเมินอิสระ
3) ความเหมาะสมของเงื่อนไขของรายการ โดยให้พิจารณาเปรียบเทียบเงื่อนไขของการทำรายการ เงื่อนไขการชำระราคาหรือสิ่งตอบแทน และเงื่อนไขอื่น ๆ ของการเข้าทำรายการ กับเงื่อนไขในการทำรายการกับบุคคลภายนอก
ทั้งนี้ ในกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบไม่มีความชำนาญในการพิจารณารายการระหว่างกันที่เกิดขึ้น คณะกรรมการตรวจสอบสามารถขอความเห็นเกี่ยวกับรายการระหว่างกันจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ (เช่น ผู้ประเมินราคาทรัพย์สินอิสระ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ) หรือผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบ ก่อนนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทฯ และ/หรือที่ประชุมผู้ถือหุ้น (แล้วแต่กรณี) เพื่อพิจารณาอนุมัติการทำรายการตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
3. ผู้มีส่วนได้เสียในการเข้าทำรายการ (ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม) ไม่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมเพื่อออกเสียงลงคะแนนในการอนุมัติการทำรายการ โดยบริษัทฯ จะดำเนินการเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศรายการระหว่างกันนั้นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ทางการกำหนด
4. การเข้าทำรายการระหว่างกันใด ๆ กำหนดให้ฝ่ายจัดการมีอำนาจในการอนุมัติการเข้าทำรายการระหว่างกันดังกล่าวได้ หากรายการดังกล่าวมีข้อตกลงและเงื่อนไขทางค้าในลักษณะเดียวกันกับที่วิญญูชนจะพึงกระทำกับคู่สัญญาทั่วไปในสถานการณ์เดียวกัน ด้วยอำนาจต่อรองทางการค้าที่ปราศจากอิทธิพลในการที่ตนมีสถานะเป็นกรรมการ และ/หรือ ผู้บริหาร หรือบุคคลที่มีความเกี่ยวโยง ทั้งนี้ บริษัทฯ จะต้องจัดทำรายงานสรุปเกี่ยวกับรายการระหว่างกันที่เกิดขึ้นดังกล่าว เพื่อรายงานให้คณะกรรมการของบริษัทฯ ได้รับทราบในทุก ๆ ไตรมาส
การรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างเหมาะสมและได้มาตรฐาน
2. เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำกับดูแล ตรวจสอบ และควบคุมความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
3. เพื่อให้ผู้ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและบุคคลที่เกี่ยวข้องเกิดความตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งได้รับทราบเกี่ยวกับหน้าที่ ความรับผิดชอบ และแนวทางปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
4. เพื่อให้บุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกิดความเชื่อมั่นในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯ
5. เพื่อให้เกิดการปฏิบัติที่สอดคล้องตามกฎระเบียบของหน่วยงานราชการและกฎหมายต่าง ๆ ที่
เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
คำจำกัดความ
บริษัทฯ หมายถึง บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย
ผู้มีอำนาจ หมายถึง ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้กระทำการแทนบริษัทฯ
เจ้าหน้าที่ หมายถึง บุคคลที่บริษัทแต่งตั้งหรือกำหนดตามระเบียบข้อบังคับของบริษัทให้มีหน้าที่ควบคุมดูแลระบบสารสนเทศ
เครื่องคอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกประเภท เครื่องเซิร์ฟเวอร์ หรืออุปกรณ์อื่นใด ที่ทำหน้าที่ได้เสมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งที่ใช้งานอยู่ภายในบริษัท
ระบบเครือข่าย หมายถึง ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่บริษัทฯ สร้างขึ้นทั้งแบบมีสายและไร้สาย
ศูนย์คอมพิวเตอร์ หมายถึง สถานที่เก็บรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย และอุปกรณ์เครือข่ายของบริษัท
เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกันตั้งแต่การรวบรวม การจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การพิมพ์ การสร้างรายงาน การสื่อสารข้อมูล และรวมถึงเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดระบบการให้บริการ การใช้ และการดูแลข้อมูล
ข้อมูล หมายถึง สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราว ข้อเท็จจริง หรือสิ่งใด ๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้นจะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเอง หรือโดยผ่านวิธีการใด ๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิคส์ เอกสาร ข้อความ แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
ระบบสารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลและสาระต่างๆ ที่เกิดจากการประมวลผลจากข้อมูลที่จัดไว้อย่างเป็นระบบ
ทรัพย์สินด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วง หน่วยความจำสำรอง อุปกรณ์ระบบเครือข่าย สายสัญญาณเครือข่าย ระบบปฏิบัติการ โปรแกรมประยุกต์ สื่อจัดข้อมูล ระบบโทรศัพท์มือถือ
ผู้ใช้งาน หมายถึง พนักงาน ผู้บริหารทุกระดับ ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา และบุคคลอื่นที่ใช้ทรัพยากรและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯ ซึ่งรับผิดชอบต่อสิ่งต่าง ๆ ที่กำหนดตามระเบียบทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯ
ผู้ให้บริการ หมายถึง บุคคลภายนอก ที่รับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ให้กับบริษัทฯ เช่น ให้บริการพัฒนาระบบงาน หรือให้บริการบำรุงรักษาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์อื่น ๆ
หลักเกณฑ์และข้อกำหนด
1. กำหนดให้มีการทบทวนและปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
2. ให้บริษัทฯ ดำเนินการรักษาความปลอดภัยทางกายภาพ โดย
2.1 จัดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ในที่ที่เหมาะสม และห้ามผู้ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบเข้ามาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัทฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต
2.2 จัดให้มีการติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงไว้ในที่ที่เหมาะสมและสะดวกต่อการใช้งานเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน และจัดทำแผนผังการขนย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆรวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้อง
2.3 จัดให้มีระบบควบคุมอุณหภูมิให้แก่อุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์อย่างเพียงพอและเหมาะสมกับสถานที่รวมทั้งตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
2.4 จัดให้มีระบบสำรองไฟเครื่องแม่ข่ายและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเพียงพอ เพื่อลดการหยุดชะงักการทำงานของเครื่องแม่ข่ายในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า
2.5 ดูแลรักษาทรัพย์สินด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีความพร้อมในการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ
2.6 จัดให้มีระบบสำรองข้อมูล
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
การรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยี
1. การใช้ระบบเครือข่ายเพื่อผ่านเข้าใช้อินเตอร์เน็ตของบริษัทฯ จะต้องผ่านระบบการพิสูจน์ตัวตน โดยผู้ใช้งานทุกคนจะได้รับบัญชีผู้ใช้งาน (Account) เพื่อให้สามารถใช้งานได้ โดยห้ามกระทำการใดๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการบันทึกผู้ใช้งานดังกล่าว
2. เจ้าหน้าที่สารสนเทศต้องรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิ์ทั้งซอฟต์แวร์และข้อมูลที่ติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตนได้สิทธิถือครอง
3. ห้ามเจ้าหน้าที่สารสนเทศนำบัญชีผู้ใช้งาน (Account) ของผู้อื่นมาใช้งานไม่ว่าจะได้รับอนุญาตจากผู้ใช้งานนั้นหรือไม่ก็ตาม และควรเปลี่ยนแปลงรหัสผ่าน (Password) ของผู้ให้งานทุก 4 เดือน
4. ให้เจ้าหน้าที่สารสนเทศดำเนินการจัดเก็บข้อมูลการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560
5. ให้เจ้าหน้าที่สารสนเทศติดตั้งค่าการรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายให้สามารถป้องกันบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าสู่ระบบได้ง่าย ได้แก่ ความยาวของรหัสผ่าน ระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงรหัสผ่าน เป็นต้น
6. ให้เจ้าหน้าที่สารสนเทศสอบทานสิทธิการใช้งานของเจ้าหน้าที่ในระบบบัญชีคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายให้สอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบในแต่ตำแหน่งเป็นประจำทุกปี
7. ให้เจ้าหน้าที่บริการจัดการเครือข่ายให้มีความมั่นคงปลอดภัย มีประสิทธิภาพครอบคลุมพื้นที่การทำงานทั้งหมดและจัดทำการปรับปรุงแผนผังเครือข่ายและอุปกรณ์ให้เป็นปัจจุบัน
8. ให้เจ้าหน้าที่สารสนเทศระวังความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับระบบเครือข่ายหรือเมื่อได้รับแจ้งความไม่มั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศจากผู้ใช้งาน และต้องรีบแก้ไขทันที
9. ให้เจ้าหน้าที่สารสนเทศบริหารจัดการเครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา มีประสิทธิภาพ ปิดช่องทางความอ่อนแอในระบบซึ่งยอมให้เกิดการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาต ที่จะทำให้โอกาสเป็นเครื่องกระจายโปรแกรมหรือเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมและเมื่อเกิดปัญหาสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่เกิดจาการเรียกใช้หรือเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้
10. ให้เจ้าหน้าที่สารสนเทศทำแผนการสำรองข้อมูลและการกู้คืนข้อมูล แล้วทำการสำรองข้อมูลและการทดสอบการกู้คืนข้อมูลให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด
11. ผู้ใช้งานแต่ละคนมีหน้าที่ดูแลรักษาข้อมูลชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) ทั้งนี้ห้ามเผยแพร่ให้ผู้อื่นล่วงรู้รหัสผ่าน (Password) ของตนเอง
12. เมื่อผู้ใช้งานพบเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับความไม่มั่นคงปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้รีบแจ้งยังเจ้าหน้าที่สารสนเทศโดยทันที
13. ให้ผู้มีอำนาจ กำกับควบคุม ดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สารสนเทศให้ปฏิบัติตามระเบียบนี้อย่างเคร่งครัด
นโยบายการปฏิบัติของระบบการควบคุมภายใน
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับระบบการควบคุมภายในทั้งในระดับบริหารและระดับปฏิบัติการ โดยกำหนดให้เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้บริหารและพนักงานทุกระดับชั้นที่จะต้องดูแล และตรวจสอบระบบการทำงานภายในหน่วยงานของตนให้มีประสิทธิภาพ และถูกต้องตามระเบียบการปฏิบัติงานของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ต้องการให้พนักงานทุกระดับชั้นมีส่วนร่วมในการประเมิน และควบคุมความเสี่ยงโดยทั่วกัน เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยให้มีหน่วยงานตรวจสอบภายในทำหน้าที่ตรวจสอบภายใน เพื่อให้มั่นใจว่าการปฏิบัติงานหลักและธุรกรรมทางการเงินที่สำคัญของบริษัทฯ ได้ดำเนินการตามแนวทางที่กำหนดและถูกต้องทั้งในทางกฎหมาย และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ และเพื่อให้หน่วยตรวจสอบภายในของบริษัทฯ มีความเป็นอิสระและสามารถทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจการตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ บริษัทฯจึงกำหนดให้หน่วยงานตรวจสอบภายในรายงานผลการตรวจสอบโดยตรงต่อคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อสอบทานความมีประสิทธิผลของระบบการควบคุมภายในของบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีการจัดทำแบบประเมินระบบการควบคุมภายในตามแบบ COSO ทุกปีเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัทฯ โดยจะทำให้บริษัทฯ สามารถค้นพบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาที่เหมาะสมและรวดเร็ว รวมทั้งเป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจ และความเสี่ยงในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ โดยแบบประเมินระบบควบคุมภายในของบริษัทฯ ได้จัดทำขึ้นภายใต้แนวทางที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด ทั้งนี้ แบบประเมินระบบควบคุมภายในของบริษัทฯ มีการประเมินระบบการควบคุมภายในของบริษัทฯ ใน 5 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 การควบคุมภายใน ( Control Environment ) เพื่อให้พนักงานมีทัศนคติที่ดีต่อการควบคุมภายใน
ส่วนที่ 2 การบริหารความเสี่ยง ( Risk Management ) เพื่อประเมินความเสี่ยงที่สำคัญในการดำเนินงานขององค์กรที่อาจมีผลกระทบต่อวัตถุประสงค์ เป้าหมาย หรือผลสำเร็จของงาน
ส่วนที่ 3 การควบคุมการปฏิบัติงาน ( Control Activities ) เพื่อควบคุมการปฏิบัติงานของฝ่ายบริหารและพนักงานในทุกหน้าที่และทุกระดับอย่างเหมาะสม ตามระดับดวามเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้
ส่วนที่ 4 ระบบสารสนเทศและการสื่อสารข้อมูล (Information and Communication Measure ) มีความเพียงพอ เชื่อถือได้ ทันเวลา และสื่อสารอย่างเหมาะสม ทั้งภายในและภายนอกองค์กร
ส่วนที่ 5 ระบบการติดตาม ( Monitoring ) เพื่อให้มั่นใจว่าว่าระบบการควบคุมภายในมีความเหมาะสม มีการปฏิบัติจริง รวมทั้งได้รับการปรับปรุงแก้ไขอย่างทันเวลา และสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
นโยบายเกี่ยวกับการรายงานการมีส่วนได้เสียของกรรมการและผู้บริหาร
1. กรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ ต้องรายงานให้บริษัทฯ ทราบถึงการมีส่วนได้เสียของตน หรือของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง ตามมาตรา 89/14 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรณีเป็นส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการกิจการของบริษัทฯ และ/หรือ บริษัทย่อย ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด โดยนำส่งรายงานถึงเลขานุการบริษัท
2. เลขานุการบริษัทต้องจัดส่งสำเนารายงานการมีส่วนได้เสียตามมาตรา 89/14 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ให้ประธานกรรมการและประธานกรรมการตรวจสอบ ทราบภายใน 7 วันทำการนับแต่วันที่บริษัทฯ ได้รับรายงาน
3. กรรมการ และ/หรือ ผู้บริหารของบริษัทฯ จะต้องแจ้งให้บริษัทฯ รับทราบโดยไม่ชักช้า เมื่อมีกรณีดังต่อไปนี้
3.1 มีส่วนได้เสีย ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในสัญญาใด ๆ ที่บริษัทฯ ทำขึ้นระหว่างรอบปีบัญชี โดยระบุข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลักษณะของสัญญา ชื่อคู่สัญญา และส่วนได้เสียของกรรมการ และ/หรือ ผู้บริหารในสัญญานั้น (ถ้ามี)
3.2 ถือหุ้นหรือหุ้นกู้ในบริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อย โดยระบุจำนวนทั้งหมดที่เพิ่มขึ้น หรือลดลงในระหว่างรอบปีบัญชี (ถ้ามี)